IFOAM คืออะไร การรับรองมาตรฐาน organic ที่เจ้าของแบรนด์ควรรู้

Last updated: 29 ธ.ค. 2568  |  17 จำนวนผู้เข้าชม  | 

คืออะไร การรับรองมาตรฐาน Organic ที่เจ้าของแบรนด์ควรรู้

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคำว่า “ออร์แกนิก” มากขึ้น เจ้าของแบรนด์จำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามว่า การทำสินค้าออร์แกนิกต้องมีมาตรฐานอะไรรับรองบ้าง และคำว่า Organic ที่ใช้สื่อสารกับลูกค้านั้น เชื่อถือได้จริงหรือไม่

หนึ่งในชื่อที่มักถูกกล่าวถึงเสมอในโลกของเกษตรอินทรีย์และอาหารออร์แกนิก คือ IFOAM ซึ่งหลายคนเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็น “ใบรับรอง” หรือ “ตราออร์แกนิก” ที่ติดบนสินค้าได้ทันที ทั้งที่ในความจริง IFOAM มีบทบาทที่ลึกและเป็นระบบมากกว่านั้น



IFOAM คืออะไร และไม่ได้เป็นแค่ชื่อองค์กรธรรมดา

IFOAM ย่อมาจาก International Federation of Organic Agriculture Movements หรือ “สหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ” เป็นองค์กรระดับโลกที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของขบวนการเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช่เฉพาะด้านการผลิต แต่ครอบคลุมถึงนโยบาย มาตรฐาน การรับรอง และการพัฒนาระบบออร์แกนิกอย่างยั่งยืน

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ
IFOAM ไม่ได้ออกใบรับรองสินค้าโดยตรง
แต่ทำหน้าที่วาง “กรอบแนวคิด มาตรฐาน และระบบการรับรอง” ที่หน่วยงานต่าง ๆ ทั่วโลกนำไปใช้เป็นหลักอ้างอิง

พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ
  • IFOAM คือ “ผู้ออกแบบกติกาเกม”
  • หน่วยงานรับรองในแต่ละประเทศหรือแต่ละภูมิภาค คือ “กรรมการ”
  • เกษตรกร โรงงาน และเจ้าของแบรนด์ คือ “ผู้เล่น”


บทบาทหลักของ IFOAM ในโลก Organic

เพื่อให้เข้าใจบทบาทของ IFOAM อย่างเป็นระบบ สามารถแบ่งหน้าที่สำคัญออกเป็น 3 ด้านหลัก

1. กำหนดหลักการเกษตรอินทรีย์ (Principles of Organic Agriculture)

IFOAM เป็นผู้กำหนด “หลักการเกษตรอินทรีย์” ซึ่งถือเป็นหัวใจของคำว่า Organic ประกอบด้วย 4 หลักการสำคัญ ได้แก่

หลักการด้านสุขภาพ (Health)
การเกษตรอินทรีย์ต้องส่งเสริมสุขภาพของดิน พืช สัตว์ มนุษย์ และระบบนิเวศโดยรวม
  • หลักการด้านนิเวศ (Ecology)
            การผลิตต้องสอดคล้องกับธรรมชาติ ใช้ทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ และเคารพระบบนิเวศ
  • หลักการด้านความเป็นธรรม (Fairness)
           คำนึงถึงความเป็นธรรมต่อเกษตรกร ผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
  • หลักการด้านความระมัดระวัง (Care)

           ตัดสินใจบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต


หลักการเหล่านี้คือรากฐานที่ทำให้ Organic ไม่ใช่แค่ “ไม่ใช้สารเคมี” แต่เป็นแนวคิดด้านความยั่งยืนในระยะยาว

2. พัฒนาระบบ Organic Guarantee System (OGS)

หนึ่งในผลงานสำคัญของ IFOAM คือการพัฒนา Organic Guarantee System (OGS) ซึ่งเป็นกรอบระบบรับรองออร์แกนิกระดับสากล

OGS ไม่ได้หมายถึงใบรับรองเพียงใบเดียว แต่เป็น “ระบบ” ที่กำหนดว่า

  • หน่วยงานรับรองต้องมีโครงสร้างอย่างไร
  • กระบวนการตรวจสอบต้องโปร่งใสแค่ไหน
  • ต้องป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไร
  • และต้องตรวจสอบย้อนกลับได้หรือไม่

ระบบนี้ทำให้คำว่า Organic มีมาตรฐานเดียวกันในระดับโลก แม้จะมีหลายประเทศ หลายหน่วยงานรับรอง


3. รับรองความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรับรอง (IFOAM Accreditation)

จุดที่ เจ้าของแบรนด์ มักสับสนมากที่สุดคือเรื่อง IFOAM Accreditation

IFOAM ไม่ได้ออกใบรับรองให้สินค้า แต่
IFOAM รับรอง “หน่วยงานรับรอง” อีกทีหนึ่ง

ถ้าหน่วยงานรับรองใดผ่านการประเมินตามเกณฑ์ของ IFOAM จะถือว่า

  • ระบบตรวจสอบของหน่วยงานนั้นเชื่อถือได้
  • การรับรอง Organic ที่ออกโดยหน่วยงานนั้นเป็นไปตามมาตรฐานสากล

นี่คือเหตุผลที่หลายแบรนด์เลือกใช้หน่วยงานรับรองที่ “อ้างอิง IFOAM” เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในตลาดสากล

IFOAM ต่างจากใบรับรอง Organic อย่างไร

เพื่อให้เข้าใจง่าย ลองแยกบทบาทออกเป็นชั้น ๆ

  • IFOAM
            วางหลักการ กำหนดกรอบมาตรฐาน และรับรองความน่าเชื่อถือของระบบ
  • หน่วยงานรับรอง (Certification Body)
           เป็นผู้ตรวจแปลง ตรวจโรงงาน ตรวจเอกสาร และออกใบรับรอง Organic ให้ผู้ผลิต
  • เจ้าของแบรนด์ / ผู้ผลิต

           เป็นผู้ปฏิบัติตามมาตรฐาน และใช้ใบรับรองจากหน่วยงานรับรองในการสื่อสารกับตลาด


ดังนั้นบนฉลากสินค้าโดยทั่วไป

  • จะไม่เห็นคำว่า “IFOAM Certified”
  • แต่จะเห็นชื่อหน่วยงานรับรองที่ทำงานภายใต้กรอบมาตรฐาน Organic ที่สอดคล้องกับ IFOAM
  • ในบางกรณี อาจพบการสื่อสารว่า หน่วยงานรับรองที่ออกใบให้สินค้าเป็นหน่วยงานที่ ผ่านการรับรองภายใต้ระบบของ IFOAM เช่น IFOAM Accreditation Programme หรือ IFOAM Family of Standards ซึ่งหมายถึงการรับรอง “ความน่าเชื่อถือของระบบตรวจสอบ” ไม่ใช่การรับรองสินค้ารายชิ้นโดยตรง



IFOAM กับ มกท. (ACT): ตัวอย่างระบบรับรอง Organic ในประเทศไทย

ในประเทศไทย หน่วยงานรับรอง Organic ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล คือ มกท. (Organic Agriculture Certification Thailand – ACT) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจแปลงเกษตร ตรวจโรงงานแปรรูปและออกใบรับรอง Organic ให้กับเกษตรกรและผู้ผลิต

มกท. เป็นหน่วยงานที่พัฒนาระบบการรับรองให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และได้รับการยอมรับในตลาดต่างประเทศ ทำให้สินค้า Organic ที่ได้รับการรับรองจาก มกท. สามารถอ้างอิงระบบ Organic ที่สอดคล้องกับกรอบของ IFOAM ได้อย่างถูกต้อง
 

ทำไม IFOAM ถึงสำคัญกับเจ้าของแบรนด์ Organic

สำหรับเจ้าของแบรนด์ ความสำคัญของ IFOAM ไม่ได้อยู่ที่โลโก้ แต่คือ “ความน่าเชื่อถือเชิงระบบ”

 

ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและการสื่อสารการตลาด

การใช้คำว่า Organic โดยไม่มีมาตรฐานรองรับ อาจนำไปสู่

  • การร้องเรียนจากผู้บริโภค
  • ปัญหาด้านกฎหมาย
  • การถูกมองว่าเป็น Greenwashing

การอ้างอิงระบบที่สอดคล้องกับ IFOAM ช่วยให้การสื่อสารคำว่า Organic มีฐานที่ชัดเจน

 

เพิ่มความเชื่อมั่นในตลาดพรีเมียมและตลาดส่งออก

ผู้บริโภคในตลาดพรีเมียม รวมถึงคู่ค้าในต่างประเทศ มักไม่ได้ดูแค่ “คำว่า Organic” แต่ดูว่า

  • ใครเป็นผู้รับรอง
  • ระบบตรวจสอบมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน
  • อ้างอิงมาตรฐานสากลหรือไม่

IFOAM จึงเป็นชื่อที่ช่วย “เชื่อมภาษา” ระหว่างแบรนด์กับตลาดโลก

 

วางรากฐานการเติบโตระยะยาว

แบรนด์ที่เข้าใจ IFOAM มักวางระบบตั้งแต่ต้นน้ำ เช่น

  • แหล่งวัตถุดิบ
  • การแปรรูป
  • การจัดเก็บ
  • การติดฉลาก

ซึ่งช่วยให้ต่อยอดไปสู่มาตรฐานอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้นในอนาคต


เจ้าของแบรนด์ควรรู้อะไรก่อนขอการรับรอง Organic

ก่อนตัดสินใจขอการรับรอง ควรประเมินตัวเองในประเด็นเหล่านี้

  • แหล่งวัตถุดิบเป็นเกษตรอินทรีย์จริงหรือไม่
  • มีการแยกวัตถุดิบ Organic กับ Non-organic ชัดเจนหรือเปล่า
  • กระบวนการผลิตมีการป้องกันการปนเปื้อนข้ามหรือไม่
  • มีระบบบันทึกและตรวจสอบย้อนกลับได้หรือไม่
  • เลือกหน่วยงานรับรองที่สอดคล้องกับตลาดเป้าหมายหรือยัง

การเข้าใจ IFOAM จะช่วยให้คุณ “เลือกแนวทางการรับรองได้ถูกตั้งแต่แรก” ไม่เสียเวลาและต้นทุนซ้ำซ้อน


สรุป IFOAM คือหัวใจของระบบ Organic ไม่ใช่แค่ชื่อบนเอกสาร

สรุปให้เข้าใจง่ายที่สุด
  • IFOAM คือองค์กรระดับโลกที่กำหนดหลักการและระบบรับรองเกษตรอินทรีย์
  • ไม่ได้ออกใบรับรองสินค้าโดยตรง
  • แต่ทำให้มาตรฐาน Organic ทั่วโลก “พูดภาษาเดียวกัน”

สำหรับเจ้าของแบรนด์ การเข้าใจ IFOAM คือการเข้าใจรากฐานของคำว่า Organic อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เพื่อการตลาด แต่เพื่อความน่าเชื่อถือและความยั่งยืนของแบรนด์ในระยะยาวค่ะ

หากคุณกำลังวางแผนพัฒนาแบรนด์ Organic แนะนำให้เริ่มจากการทำความเข้าใจระบบมาตรฐานอย่าง IFOAM แล้วเลือกหน่วยงานรับรองที่เหมาะกับตลาดของคุณ จะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความเชื่อมั่นได้ตั้งแต่ก้าวแรก


มาสร้างแบรนด์กับ “Grand Organic” ได้มาตรฐาน GHP และ HACCP

อยากเริ่ม สร้างแบรนด์ของกินเพื่อสุขภาพของตัวเอง แต่ติดปัญหางบจำกัด หรือไม่รู้จะเริ่มตรงไหน?
Grand Organic พร้อมช่วยคุณค่ะ

เราเป็น โรงงานรับผลิตขนมและอาหารเพื่อสุขภาพ (ODM/OEM) ที่เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติ พัฒนาสูตรไม่ซ้ำใครในตลาด ให้แบรนด์คุณโดดเด่นและแตกต่าง

 ทำไมต้อง Grand Organic?

  • MOQ ไม่สูง ทดลองตลาดได้ก่อน ลดความเสี่ยงลงทุน
  • พัฒนาสูตรและบรรจุภัณฑ์ครบวงจร
  • รองรับการขยายกำลังการผลิตในอนาคต
  • ผลิตภายใต้มาตรฐาน GHP, HACCP, อย., Halal, Organic

 

ผลงานที่ผ่านมา

จากโปรตีนจิ้งหรีด มันม่วง ไข่ขาว ไปจนถึงผักโขม เราเคยพัฒนาผลิตภัณฑ์มาแล้วหลากหลาย เช่น วาฟเฟิลกรอบ ข้าวอบกรอบ เจลลี่ แผ่นผักอบกรอบ ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพระดับสากล

**เริ่มง่าย ๆ แค่พัฒนาสูตรกับเรา ก็ได้ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ + เลข อย. พร้อมบาร์โค้ดสากล ทดลองขายได้ทันที

Grand Organic – ตัวจริงด้าน ODM/OEM อาหารเพื่อสุขภาพ ที่ช่วยให้คุณมีแบรนด์เป็นของตัวเองได้ แม้งบน้อย

 


ติดต่อสอบถาม คลิก

 

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ IFOAM

Q1 : IFOAM คือใบรับรอง Organic ใช่หรือไม่
ไม่ใช่ค่ะ IFOAM ไม่ได้ออกใบรับรองสินค้า แต่ทำหน้าที่กำหนดหลักการและรับรองความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรับรอง

Q2 : สินค้า Organic ต้องมีโลโก้ IFOAM หรือไม่
ไม่จำเป็น โดยทั่วไปจะใช้โลโก้ของหน่วยงานรับรองที่ออกใบรับรองให้สินค้า

Q3 : ถ้าไม่มี IFOAM ยังขาย Organic ได้ไหม
สามารถขายได้ หากใช้หน่วยงานรับรองที่ถูกต้องตามกฎหมายและตลาดยอมรับ แต่การอ้างอิงกรอบ IFOAM จะเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสากล

Q4 : IFOAM เกี่ยวข้องกับเกษตรกรหรือโรงงานมากกว่ากัน
เกี่ยวข้องทั้งระบบ ตั้งแต่เกษตรกร โรงงานแปรรูป จนถึงเจ้าของแบรนด์

Q5 : IFOAM กับ Organic Thailand เหมือนกันไหม
ไม่เหมือน IFOAM เป็นกรอบสากล ส่วน Organic Thailand เป็นมาตรฐานระดับประเทศ

Q6 : ถ้าอยากส่งออกควรสนใจ IFOAM หรือไม่
ควรสนใจ เพราะช่วยให้เข้าใจระบบ Organic ระดับสากลและเลือกแนวทางรับรองได้เหมาะกับตลาดต่างประเทศ

Q7 : เจ้าของแบรนด์ควรเริ่มต้นเรื่อง IFOAM อย่างไร
เริ่มจากทำความเข้าใจบทบาทของ IFOAM และเลือกหน่วยงานรับรองที่สอดคล้องกับตลาดและกลยุทธ์ของแบรนด์ค่ะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้