Last updated: 22 พ.ย. 2568 | 12 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายคนอาจคิดว่า ไม่กินผักก็ไม่เป็นไร เพราะสามารถกินอาหารอื่นแทนได้ แต่ในความจริงแล้ว ผักและผลไม้คือแหล่งสารอาหารสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ โดยเฉพาะไฟเบอร์ วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคหลายชนิด ทั้งระบบขับถ่าย หัวใจ เบาหวาน ไปจนถึงมะเร็งบางชนิด
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกว่า “ไม่กินผักผลไม้” มีผลเสียต่อร่างกายอย่างไร เสี่ยงโรคอะไรบ้าง และมีวิธีอย่างไรในการช่วยให้ลูก (หรือแม้แต่ตัวเราเอง) หันกลับมาชอบกินผักได้อีกครั้ง
ผักและผลไม้มีใยอาหาร (ไฟเบอร์) สูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ป้องกันอาการท้องผูก
หากขาดไฟเบอร์เป็นเวลานาน จะทำให้อุจจาระแข็ง ขับถ่ายยาก และเสี่ยงต่อ ริดสีดวงทวาร หรือ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง
สารต้านอนุมูลอิสระในผักผลไม้ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง
เมื่อร่างกายขาดสารเหล่านี้ เซลล์จะเสื่อมเร็วขึ้นและเกิดการอักเสบเรื้อรังได้ง่าย
วิตามินเอและเบต้าแคโรทีนจากผักใบเขียวและผลไม้สีเหลือง เช่น แครอต ฟักทอง มะละกอ
ช่วยบำรุงจอประสาทตาและการมองเห็นในที่มืด หากขาดอาจทำให้ ตาแห้ง มองเห็นไม่ชัด หรือเสี่ยงโรคตาในระยะยาว
การขาดไฟเบอร์ทำให้รู้สึกอิ่มช้าและกินจุกจิกมากขึ้น ร่างกายจะสะสมพลังงานส่วนเกิน จนนำไปสู่น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
วิตามินและแร่ธาตุในผักผลไม้ โดยเฉพาะ วิตามินบีรวม โฟเลต และแมกนีเซียม มีผลต่อสมองและอารมณ์ งานวิจัยบางส่วนชี้ว่า คนที่บริโภคผักผลไม้น้อย มีแนวโน้มเกิดอารมณ์ซึมเศร้าได้มากกว่า

หากพบหลายข้อพร้อมกัน ควรรีบปรับพฤติกรรมการกินโดยเพิ่มผักผลไม้ในทุกมื้อ
หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลต่อสมาธิ การเรียนรู้ และสุขภาพจิตของเด็กในระยะยาวได้ด้วยค่ะ

การบังคับให้ลูกกินผักมักไม่ได้ผล แต่ถ้าใช้วิธีเหล่านี้ เด็กจะค่อย ๆ เปิดใจและเริ่มกินผักได้เอง
ผักและผลไม้คือ “เกราะป้องกันโรค” ที่ร่างกายต้องการทุกวัน การละเลยผักในมื้ออาหาร อาจนำไปสู่โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และภูมิคุ้มกันต่ำในอนาคต
หากลูกของคุณไม่กินผัก
เริ่มได้ง่าย ๆ ด้วยการปรับเมนู เพิ่มสีสัน หรือใช้ทางเลือกจากผักแท้อย่าง CRISPY GO!
เพราะสุขภาพดีของลูกเริ่มต้นจากอาหารที่สมดุลในทุกวันค่ะ
Q1 : ไม่กินผักเลยจะเป็นอะไรไหม?
ไม่กินผักอาจทำให้ขาดสารอาหารจำเป็น ภูมิคุ้มกันลด ท้องผูก และเสี่ยงโรคเรื้อรังในอนาคต
Q2 : ขับถ่ายไม่ดีเพราะไม่กินผัก แก้ได้อย่างไร?
เริ่มจากเพิ่มผักทีละน้อย ดื่มน้ำมาก ๆ และออกกำลังกาย หากยังมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์
Q3 : เด็กไม่กินผักควรทำอย่างไร?
จัดผักให้น่ากิน ผสมในเมนูที่ชอบ หรือใช้ตัวช่วยอย่าง CRISPY GO! เพื่อให้ได้รับไฟเบอร์จากผักจริง
Q4 : ผลไม้แทนผักได้ไหม?
ผลไม้ช่วยได้บางส่วน แต่มีน้ำตาลสูงกว่า จึงควรกินผักและผลไม้ควบคู่กัน
Q5 : เสริมไฟเบอร์แบบชงดื่มแทนการกินผักได้ไหม?
ใช้เป็นทางเลือกเสริมได้ชั่วคราว แต่ไม่ควรแทนผักจริงทั้งหมด
Q6 : ไม่กินผักส่งผลต่อผิวไหม?
แน่นอนค่ะ ผักมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวสดใส หากขาดผัก ผิวจะแห้งและหมองง่าย
Q7 : ควรกินผักวันละเท่าไหร่ถึงเพียงพอ?
ผู้ใหญ่ควรกินผักวันละ 400 กรัม (ประมาณ 4–6 ทัพพี) ส่วนเด็กเล็กอาจเริ่มจากครึ่งหนึ่งของปริมาณนี้